ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
ออฟฟิศซินโดรม คือ
กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นเรื้อรัง เหตุที่คนนิยมเรียก “ออฟฟิศซินโดรม” เพราะว่ากลุ่มอาการเหล่านี้เกิดกับพนักงานออฟฟิศเป็นส่วนมากครับ โดยส่วนมากผู้ป่วยออฟฟิศซินโดรมมักถูกวินิฉัยว่าเป็น Myofascial Pain Syndrome ครับ
Myofascial Pain Syndrome (MPS) 3 ประเภท
- Primary MPS เกิดจากการใช้งานกลุ่มกล้ามเนื้อมัดนั้นๆ มากเกินไป หรือ มัดกล้ามเนื้อมัดนั้นๆหยุดการทำงานไป ทำให้เกิดเป็น Tigger Point ขึ้นมา
- Secondary MPS เกิดจากการเป็นโรคอื่นที่กำลังเป็น เช่น ผู้ป่วยมีภาวะกระดูกคอเสื่อม กล้ามเนื้อรอบ ๆ จะพยายามเกร็งตัวเพื่อชดเชยความแข็งแรง จึงเกิดเป็น MPS ร่วม ในเคสแบบนี้พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
- Somatoform disorder กลุ่มนี้จะสัมพันธ์กับภาวะจิตใจ หรือ กลุ่มโรคกล้ามเนื้อเป็นพังผืด (Fibromygia)
ลักษณะสำคัญของ MPS
Trigger point คือ จุดที่กล้ามเนื้อมีการหดเกร็ง คลำเป็นก้อนได้ โดย Trigger Point Complex ประกอบไปด้วย 2 ส่วนสำคัญ ๆ เลย ได้แก่
- Taut band
- Trigger Point nodule
สาเหตุของ ออฟฟิศซินโดรม (โดยรวม)
- มีการขยับร่างกายน้อยทำให้กล้ามเนื้อตึง
- ตามมาด้วยการกำจัดของเสียในกล้ามเนื้อน้อยลง มีการสะสมกรดแลคติกมากขึ้น และ
- พัฒนาจนกลายเป็น Trigger Point Complex และกล้ามเนื้ออักเสบได้
- ความเครียดสะสม
การวินิจฉัยแยกโรคเบื้องต้นด้วยตัวเอง
ปวดบ่า-หลัง (ส่วนบน)-คอ
อาการนี้พบได้บ่อย อาการดำเนินโรคมักค่อยเป็นค่อยไป (ไม่เฉียบพลัน) บางคนอาจจะไม่มีปวดร้าว แต่บางคนอาจจะมีการปวดร้าวลงแขน หรือ ปวดร้าวขึ้นหัว ทางแผนไทยเรียก ลมปลายปัตฆาตสัญญาณ 4-5 หลัง
กรณีที่ 1 ปวดบ่า-หลัง (ส่วนบน) ไม่มีอาการร้าวลงแขน
ค่อนข้างมั่นใจได้ว่า ผู้ป่วยจะเป็นเพียงโรคในกลุ่มกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เท่านั้น อาการ Refer Pain จะเป็นไปตามแนวกล้ามเนื้อ ซึ่งสอดคล้องกับโรค Myofascial pain syndrome มากที่สุด (กล้ามเนื้อ)
กรณีที่ 2 ปวดบ่า-หลัง (ส่วนบน) มีอาการปวดร้าวลงแขนร่วมด้วย
ในกรณีนี้มีก็จะต้องแยกให้ออกก่อนว่าอาการชาดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอะไร ซึ่งมีความเป็นไปได้อยู่ 3 คือ
- กล้ามเนื้ออักเสบ (Myofascial Pain Syndrome)
- ภาวะกดทับไขสันหลัง (Myelopathy)
- ภาวะกดทับรากประสาท (Radiculopathy)
ทั้ง 3 โรคมาด้วยอาการชาทั้งนั้น แต่สาเหตุการชาแตกต่างกันครับ
ชื่อโรค | สาเหตุการชา |
กล้ามเนื้ออักเสบ | ปวดร้าวชาจาก Refer Pain ซึ่งมี Trigger point มากกว่า 1 จุดได้ |
ภาวะกดทับไขสันหลัง | ปวดร้าวชาจากหินปูนกดทับไขสันหลัง (ชา และอ่อนแรง) |
ภาวะกดทับรากประสาท | ปวดร้าวชาจากหมอนรองกระดูกปริ้นออกมาทับไขสันหลัง (ชา และอ่อนแรง) |
การรักษาปวดบ่า ที่เกิดจาก MPS
- ลดอาการปวดที่เกิดจากกล้ามเนื้อ และเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ
- เช่น การถือของหนักเกินไป การเกร็งกล้ามเนื้อมัดนั้นๆเป็นเวลานาน การทานยาแก้ปวด การทานยาคลายกล้ามเนื้อ เป็นต้น
- ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด
- เช่น การทำงานในท่าทางเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน
- หลีกเลี่ยงท่าทางในการทำงานที่ไม่ถูกต้อง
- จัดโต๊ะทำงานให้สิ่งของที่หยิบใช้บ่อยๆ อยู่ในระยะเอื้อมถึงได้ง่าย ไม่ต้องโน้มตัวหรือเอื้อมมือไปไกล
- จัดเวลาการทำงานและการพักผ่อนที่ไม่เหมาะสม
- ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
กรณีที่ 3 ปวดคอ
ในกรณีนี้ก็จะต้องแยกให้ออกระหว่างกลุ่มโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง (Muscle Strain) และ กลุ่มโรคที่เกี่ยวกับกระดูกคอเสื่อม (Cervical Spondylosis)
กลุ่มโรคที่เกี่ยวกับ | ||
กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง | กระดูกเสื่อม | |
อาการสำคัญ | ปวดคอ หมุนคอไม่สุด เป็นมานานแล้ว | ปวดคอ หมุนคอไม่สุด (มีอาการชา หรือ ไม่มีก็ได้) |
สาเหตุ | ทำอิริยาบถเดิมนาน ๆ ซ้ำๆ | ความเสื่อมของร่างกาย |
กล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บซ้ำ ๆ | ได้รับอุบัติเหตุ | |
กล้ามเนื้อขาดความยืดหยุ่น | ||
ประวัติ | ทำงานเดิม ๆ ซ้ำ ๆ | อายุ 45-50 ปี |
ขาดการออกกำลังกาย | ||
ตรวจร่างกายเบื้องต้น (นอกเหนือจากการดู คลำ) | ||
1. หมุนคอด้วยตัวเอง | หมุนได้ไม่สุด | หมุนได้ไม่สุด |
2. ใช้มือช่วยหมุน | หมุนได้สุด | หมุนได้ไม่สุด |
การรักษาปวดคอ ที่เกิดจาก MPS ด้วยตัวเอง
- ลดอาการปวดที่เกิดจากกล้ามเนื้อ และเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ
- เช่น การทานยาแก้ปวด การทานยาคลายกล้ามเนื้อ เป็นต้น
- ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด
- เช่น การทำงานในท่าทางเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน
- หลีกเลี่ยงท่าทางในการทำงานที่ไม่ถูกต้อง
- การนั่งโดยเอาศอกค้ำคางไว้
ปวดแขน
กรณีที่น่าสนใจ ปวดมีอาการชา-อ่อนแรงร่วมด้วย
หากเราสังเกตตัวเองแล้วว่า ไม่มีอาการชา ไม่มีอาการอ่อนแรง อาจจะบ่งบอกได้ว่าเป็นกลุ่มโรคกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นแขน แต่หากว่าเรามีอาการชาด้วย อ่อนแรงด้วย แต่ลองตรวจ Spurling test แล้วไม่พบภาวะกดทับไขสันหลังหรือรากประสาท ก็ค่อนข้างที่มั่นใจได้ว่าอาจจะเกิดจากเส้นประสาทได้รับการบาดเจ็บ หรือ โดนกดทับ ดังนั้นผู้ป่วยก็จะมีอาการอ่อนแรง หรือ ชา ได้ตามบริเวณที่เส้นประสาทนั้นๆ ไปเลี้ยง ทีนี้เรามาดูกันว่าเส้นประสาทหลักที่แขนนั้นมีอะไรบ้าง เราก็จะพบว่ามีอยู่ 3 เส้น คือ
- Radial Nerve
- มีอาการข้อมือตก
- มีอาการขาที่แขนด้านหลัง
- Median Nerve
- มีอาการชามือ นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง (ครึ่งนึง)
- กล้ามเนื้อโคนนิ้วหัวแม่มือฝ่อลีบ
- ปวดหน้าแขน
- มีการขยับนิ้วมือผิดปกติ
- Ulna Nerve
- ขาแขน ศอกด้านในถึงนิ้วก้อย
- นิ้วนาง นิ้วก้อยงอผิดปกติ
การรักษาปวดแขน ที่เกิดจาก MPS ด้วยตัวเอง
- ลดอาการปวดที่เกิดจากกล้ามเนื้อ และเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ
- เช่น การทานยาแก้ปวด การทานยาคลายกล้ามเนื้อ เป็นต้น
- ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด
- เช่น การทำงานในท่าทางเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
ปวดข้อมือ และนิ้วล็อค
ส่วนจะอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีภาวะพร่องทางระบบประสาท เช่น
- De Quervain’s
สาเหตุ
- ใช้งานข้อมือมากเกินไป
- ใช้งานข้อมือในลักษณะเดิมๆซ้ำๆ ส่งผลให้เส้นเอ็น Abdutor pollicis longus และ Extensor pollicis brevis บาดเจ็บ
- จากนั้น Extensor Retinaculum จะหนาตัวขึ้น เป็นเหตุให้ จำกัดการเคลื่อนไหวของเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ
อาการ และอาการแสดง
- เจ็บเมื่อเคลื่อนไหวนิ้วหัวแม่มือ (โดยเฉพาะเมื่อขยับนิ้วโป้งมาที่กลางผ่ามือ)
- เจ็บเมื่อกดบริเวณเอ็น ใต้รอยต่อข้อมือ ถัดจากโคนนิ้วโป้งลงมา
- มีการอักเสบของเส้นเอ็น (คลำพบผิวหนังร้อน หรือ ก้อนที่บริเวณข้อมือ)
- กล้ามเนื้อที่ยึดต่อกับเอ็นนั้น อาจมีอาการเกร็ง แข็ง หรือ อาจมีการอักเสบ
หลักการรักษาด้วยตัวเอง
- เลี่ยงกิจการที่ทำให้เกิดโรค (หากอยู่ในระยะอักเสบควรพักการใช้งาน)
- เปลี่ยนเมาส์
- เปลี่ยนแผ่นรองเมาส์
- ใช้ยา หรือ น้ำมันนวด ที่มีส่วนผสมของสารต้านอักเสบ เช่น น้ำมันไพล หรือ ครีมนวดที่ผสมกลุ่มยา NSAID
- ถ้าลองรักษาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นแนะนำให้รับการรักษาจากหมอ
- Trigger finger
สาเหตุ
- เกิดจากการทำงานซ้ำๆ ตนทำให้อักเสบ และบวมขึ้นของกลุ่มเส้นเอ็น Digital Flextor Tendon
- เมื่อบวมขึ้นมันจะเกิดการเสียดสี ทำให้เกิดการหนาตัวขึ้นของ Pulley ซึ่งเปรียบเสมือนเข็มขัดของเส้นเอ็นนิ้วมือ
สิ่งที่ตรวจพบ
- กดเจ็บบริเวณ Pulley ตำแหน่งต่างๆ ที่ด้านฝ่ามือ โดยเฉพาะ Pulley A1
- อาจคลำได้ก้อนเกิดจากเส้นเอ็นบวม
- ตรวจพบการเคลื่อนไหวนิ้วฝืด หรือ ล็อค
อาการ และอาการแสดง
ต้องขอบอกก่อนว่าโรคนี้จะมีระยะโรคของมัน ซึ่งแบ่งได้ตามความรุนแรงของโรคครับ เราสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ
ระยะโรค | อาการ และอาการแสดง | แนวทางการรักษา |
1. Pre-Triggering | – กดเจ็บที่โคนนิ้วด้านหน้า
– การเคลื่อนไหวของนิ้วจะสะดุดบ้าง แต่ยังงอเหยียดนิ้วได้สุด |
– ใช้ยา NSAID
– แช่น้ำอุ่น – ท่าบริหารนิ้วล็อค – นวดกดจุด |
2. Active correctable
|
– ปวดเมื่อเคลื่อนไหว
– ยัง งอนิ้ว เข้าได้ – แต่เมื่อเหยียดจะสะดุดติด ถึงแม้จะเหยียดได้สุดก็ตาม |
– ใช้ยา NSAID
– แช่น้ำอุ่น – ท่าบริหารนิ้วล็อค – นวดกดจุด |
3. Passive correctable | Passive correctable
– ต้องใช้มือช่วยเหยียด – หรือ งอนิ้วเข้าเองไม่ได้ |
– ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ |
4. Contracture | Contracture
– นิ้วล็อคค้าง นิ้วยึดติด |
– ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ |
บทสรุป
ออฟฟิศซินโดรมนั้นคือกลุ่มอาการที่มักเกิดกับคนที่ทำงานออฟฟิศ หรือ คนที่ทำงานที่มีการขยับร่างกายนาน (เกรงกล้ามเนื้อนาน) หรือ กลุ่มคนที่ไม่ได้จัดท่านั่งที่ถูกต้อง
วิธีป้องกันโรคนั้นง่าย ๆ ครับ เพียงแค่ จัดท่านั่งให้ถูกต้อง หลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดโรค เช่น การเลือกนั่งเก้าอี้ที่ไม่เข้ากับสรีระ การใช้เมาส์ที่นานเกิน การเอามือเท้าค้าง เป็นต้น
แต่หากลองวินิจฉัยตัวเองแล้วพบว่าเป็น ออฟฟิศซินโดรมแล้ว ลองทำตามคำแนะนำไม่หาย ก็แนะนำให้ลองเข้าไปรับการรักษากับแพทย์ แพทย์แผนไทย นักกายภาพบัดบำครับ
เขียน และเรียบเรียง โดย
พท.ป. ธาร์มันษ์ ตลับเพชร์สกุล
อ้างอิงเนื้อหา
- คู่มือการตรวจร่างกายทางออร์โธปิดิกส์กับโรคทางหัตถเวชกรรมไทย
- https://www.muscletherapyaustralia.com.au/single-post-c18co/what-is-trigger-point-therapy
- bvclinics.com
อ้างอิงรูปภาพ
รูปที่ 1 – www.freepik.com
รูปที่ 2 – https://www.muscletherapyaustralia.com.au/single-post-c18co/what-is-trigger-point-therapy
รูปที่ 3 – หนังสือ Up Skill แพทย์แผนไทย
รูปที่ 4 – www.thaiheartfound.org/Article/Detail/140307
รูปที่ 5 – https://www.officemate.co.th
รูปที่ 6 – https://theconversation.com/